ฉีดฟิลเลอร์

 การใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับปรุงความงามในยุคปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก หลายคนเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงรูปลักษณ์ตนเองด้วยวิธีนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความสวยงามที่เป็นธรรมชาติ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการ ความรู้และการทราบข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่จำเป็น

ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยที่สุดและได้รับการรับรองจากหน่วยงาน US FDA คือ Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งไม่มีสารตกค้าง สามารถสลายได้ถึง 100% และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

ฟิลเลอร์มีหลายประเภทดังนี้:

• Hyaluronic Acid (HA): เป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยที่สุด สามารถสลายได้ 100% และได้รับการรับรองจากอย. ในไทย
• Collagen จากสัตว์: ในปัจจุบันนั้นการใช้งานลดลง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือบวมแดงได้
• Transplanted Fat: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณมาก หรือฉีดครั้งเดียวในปริมาณ 10-20 CC
• Biosynthetic polymers: เป็นซิลิโคนเหลว แต่ไม่สามารถสลายได้ และไม่ได้รับการรับรองจาก อย.

การทำฟิลเลอร์เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฟิลเลอร์แท้, การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และการได้รับการฉีดจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และยั่งยืน การตรวจสอบและทำการวิจัยก่อนการรับการรักษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด.

 การฉีดฟิลเลอร์และการฉีดไฮยาลูรอนิค แอซิด เป็นเรื่องที่เคยได้ยินกันมาบ่อยครั้ง แต่จริงๆ แล้วเป็นยังไง? ฟิลเลอร์, ในทางการแพทย์และศาสตร์ความงาม, เป็นคำที่มีความหมายกว้าง อาจรวมถึงสารเติมเต็มที่หลากหลายชนิด ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่นิยมและปลอดภัยที่สุดในเวลานี้คือไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA).

ทำไมคำว่า "ฟิลเลอร์" และ "ไฮยา" ถึงนิยมในวงการ? ในคลินิกของเราที่ RST Clinic, เราเน้นการใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิด ของแท้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่คนไข้ เนื่องจากเป็นสารที่ปลอดภัยและสามารถสลายได้เองในร่างกาย แต่บางครั้งเราอาจพบว่าบางคลินิกมีการใช้คำแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำว่า "ฉีดฟิลเลอร์" หรือ "ฉีดไฮยา" เนื่องจากต้องการให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น หรือกลยุทธ์ทางการตลาดที่อาจแตกต่างกัน

ดังนั้น, การฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไฮยา อาจหมายถึงสิ่งเดียวกันหรือไม่ก็ตามบนแนวคิดและวัตถุดิบที่เน้น แต่สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้สารเติมเต็มที่มีคุณภาพและปลอดภัย และที่ RST Clinic เรามุ่งมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดแก่คนไข้ของเรา.

1. หลังการฉีด, ควรหลีกเลี่ยงการกดนวด, แกะ, หรือเกาบริเวณที่ฉีดเพื่อป้องกันความบวมและการเกิดแผลเป็นหรือรอยแผลหลังการฉีดฟิลเลอร์
2. อาการบวม, แดง, หรือเขียวช้ำอาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีด แต่ไม่ต้องกังวล เนื่องจากส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ถ้าหลังจาก 3 วันแล้ว ยังมีอาการไม่ดีขึ้น โปรดติดต่อกลับมาที่คลินิก RST clinic เพื่อปรึกษาเพิ่มเติม
3. หากท่านไม่ได้รับยาฆ่าเชื้อก่อนการฉีด, ให้รับประทานทันทีหลังจากนั้น เรายังมียาแก้ปวดและยาลดบวมให้ไปด้วย
4. ขอแนะนำให้ท่านพักผ่อนในที่ที่มีอากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆ และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น การออกกำลังกาย, ซาวน่า, หรือการสูดแสงแดด
5. ควรงดการทำเลเซอร์ร้อนบริเวณผิวชั้นลึกในระยะเวลา 1 เดือน หลังการฉีดฟิลเลอร์
6. หลีกเลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ได้รับการฉีดมากๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรก กันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
7. มีอาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการฉีด เช่น อาหารดิบที่ไม่สะอาด, อาหารเผ็ดมาก, อาหารหมักดอง, หมูกระทะ, ชาบู, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเช่นกันการสูบบุหรี่ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูที่รวดเร็วและผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ.

1.  เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดหน้าของคุณจะไม่แก่ขึ้นจากเดิม ในขณะเดียวกัน การรักษาด้วยฟิลเลอร์ยังช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยและลดปัญหาผิวที่แก่เร็วขึ้น
2. ฟิลเลอร์ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย      แต่ยังส่งผลดีต่อผิวของคุณ การฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้ผิวบริเวณที่รับการรักษามีความชุ่มชื้น,      มีน้ำหล่อเลี้ยง, และสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากการกระตุ้นในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินที่เพิ่มขึ้น
3. แม้ว่าฟิลเลอร์จะสลายหมดไป      คุณยังคงได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของคอลลาเจนและอิลาสตินที่ร่างกายผลิตขึ้น ซึ่งทำให้ผิวของคุณยังคงมีสภาพที่ดีและมีสุขภาพกว่าก่อนที่จะมีการฉีดฟิลเลอร์

1.  ฟิลเลอร์ใต้ตา - ช่วยให้ผิวใต้ตากระชับขึ้น ลบเลือนริ้วรอย หน้าสดใสขึ้น และดูเด็กลง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความนิ่ม เป็นธรรมชาติ เพื่อป้องกันการกิดก้อนหลังจากการฉีด
2. ฟิลเลอร์คาง - เป็นการปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตรมากขึ้น หน้า V มากขึ้น ฉีดฟิลเลอร์คางถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการผ่าตัด ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม - ช่วยเติมเต็มร่องแก้ม ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์และมีความมั่นใจมากขึ้น และยังมีเทคนิคการฉีดที่หลากหลายเพื่อให้เข้ากับลักษณะของผิวของแต่ละคน
4. ฟิลเลอร์ปาก - เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการปรับปรุงรูปทรงปาก ช่วยให้ปากดูสวยงาม มีความชุ่มชื้น และเติมเต็มริ้วรอย
5. ฟิลเลอร์ขมับ - เป็นการปรับปรุงสัดส่วนของหน้า เติมเต็มขมับที่อาจยุบตัวลงตามอายุ ทำให้หน้าดูผอม ไม่สดชื่นเหมือนแต่ก่อน และเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมโชคด้านธุรกิจและการค้าขาย
6. ฟิลเลอร์จมูก - สำหรับคนที่ต้องการปรับปรุงรูปร่างจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด และมีฐานจมูกอยู่บ้างแล้ว การฉีดฟิลเลอร์จมูกจะช่วยให้จมูกดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์ทุกวิธีนี้ควรปฏิบัติโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาเป็นไปในทิศทางที่ดีและปลอดภัย.

•  ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น - การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน, การเลือกหมอที่มีประสบการณ์, และการรู้จักเกี่ยวกับวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้เป็นสิ่งที่สำคัญ

1. ยาและวิตามินที่ควรงด - มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องแจ้งยาที่รับประทานประจำกับแพทย์ ก่อนการฉีด
2. งดการดึงหรือโกนขน - ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรงดการดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีด เพื่อลดการเกิดการติดเชื้อ
3. งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้า - ควรงดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดเพื่อลดความเสี่ยงของการบวมและการติดเชื้อ
4. แจ้งโรคประจำตัวและยาที่รับประทานประจำ - ถ้ามีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการฉีด
5. ยาห้ามเลือดและยาลดบวม - แพทย์อาจพิจารณาแนะนำให้รับประทานยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวม เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมช้ำ และอักเสบติดเชื้อ
6. ยาชาก่อนฉีด - หากกลัวความรู้สึกเจ็บปวดสามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้

การฉีดฟิลเลอร์ควรให้แพทย์ที่ RST clinic ดำเนินการ เพื่อให้การฉีดมีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.